เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓o มี.ค. ๒๕๕๙

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้เป็นวันพระ วันพระ พระเป็นผู้ประเสริฐ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระพุทธและพระธรรม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ธัมมจักฯ เกิดพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม เกิดพระสงฆ์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นแก้วสารพัดนึก เป็นที่พึ่งของเรา เป็นที่พึ่งของชาวพุทธนะ เป็นที่พึ่งของชาวพุทธเพราะอะไร เพราะพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

เวลาเราบริกรรม คำบริกรรมของเรา เพราะเราต้องการเอาหัวใจเราไว้กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเอาหัวใจเราไว้กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมเป็นศาสดา เป็นศาสดาพ้นจากทุกข์ไป สัจธรรมอันนั้นทำให้ใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพ้นจากทุกข์ เวลาเทศน์ธัมมจักฯ สัจธรรม เทฺวเม ภิกฺขเว ทางสองส่วนที่ไม่ควรเสพ ให้ควรทำมัชฌิมาปฏิปทา ให้ทำตามความเป็นจริง เพราะพระอัญญาโกณฑัญญะมีดวงตาเห็นธรรม สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายต้องดับต้องสิ้นเป็นธรรมดา เกิดสงฆ์องค์แรกของโลก

เวลาเรากำหนดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราระลึกถึง ให้หัวใจเราอยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันจะได้ไม่คิดออกนอกเรื่องนอกราวไง ถ้ามันคิดออกนอกเรื่องนอกราว นี่วันโยม วันโยมคือวันยุ่ง วันยุ่งคือวันแสวงหา วันต้องการของเรา นี่วันยุ่ง

แต่ถ้าเป็นวันพระล่ะ วันพระเราไปวัดไปวากัน คนที่เขาไปวัดไปวา เขาไปจำศีล ไปจำศีล เขาไปเพื่อภาวนา ถ้าไปภาวนาของเขา เขาค้นหาหัวใจของเขา ถ้าใครค้นหาหัวใจของตนเจอ คนนั้นจะเป็นผู้วิเศษ ผู้วิเศษเพราะอะไร เพราะเขาเห็นคุณค่าของหัวใจของเขา ถ้าเขาเห็นคุณค่าหัวใจของเขา เขาไม่แสวงหาสมบัติจากภายนอก อย่างเราเกิดมา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดมาเป็นมนุษย์ พ่อแม่เลี้ยงดูมา เลี้ยงดูมาด้วยปัจจัยเครื่องอาศัย เวลาเติบโตขึ้นมา เราก็ต้องการให้ความมั่นคงของชาติของตระกูล

ถ้าความมั่นคงของชาติของตระกูล เราก็ต้องแสวงหามาเพื่อความมั่นคงของชีวิต ถ้าความมั่นคงของชีวิต ถ้าถึงที่สุดแล้วมันก็ตายไป ทิ้งทรัพย์สมบัติไว้ให้ลูกหลานเขาดูแลต่อไป ถ้าลูกหลานเขาดี เขายังระลึกถึงบุญคุณของเรา ถ้าลูกหลานเขาไม่ดีนะ เขาจะบ่นว่าเราด้วย “แสวงหาไว้ให้น้อยเกินไป แบ่งกันก็ไม่พอ” มันได้สมบัติไปมันยังติเราอีกนะ นี่พูดถึงเวลาคนที่คิดแสวงหาแต่ทางโลก

แต่ถ้าแสวงหาทางธรรมๆ เป็นผู้วิเศษ แสวงหาทางธรรม ธรรมมันอยู่ที่ไหนล่ะ เวลาแสวงหาทางธรรม น้ำอมตธรรม น้ำอมตธรรม เขาก็แสวงหาบ่อน้ำ เอาสระน้ำไง น้ำอมตธรรมมันเกิดจากน้ำใจของเรา น้ำใจของเราๆ น้ำใจของเรา น้ำใจที่หยาบ น้ำใจที่หยาบมันจะเอาชนะคะคานคนอื่น น้ำใจที่ละเอียดลึกซึ้ง น้ำใจที่มีคุณธรรม เขาเห็นเมตตา เขาเห็นสังคม เขาอยากช่วยเหลือเจือจานสังคมนั้น ถ้าเวลาช่วยเหลือสังคมนั้น เขาศึกษาแล้ว ถ้ามีน้ำใจต่อกัน มีความอบอุ่นต่อกัน มันจะมีความสุข แล้วความสุขๆ ความสุขที่จะละเอียดลึกซึ้งไปกว่านี้หาจากไหน เขาเลยไปวัดไปวากัน เขาพยายามไปภาวนาของเขา ภาวนาของเขาเพื่อหาหัวใจของเขา ถ้าใครหาหัวใจของตนเจอ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี

ตอนนี้สงกรานต์ เขาก็ยังพยายามกระตุ้นให้ไปท่องเที่ยว ให้เศรษฐกิจมันสะพัด เขาไปท่องเที่ยวเพื่อให้ประชาชนเขามีความสุขความสงบของเขาชั่วครั้งชั่วคราว ไอ้ของเรานะ ถ้าเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ ถ้าหัวใจเราสงบขึ้นมา มันไม่เจือด้วยอามิสไง อย่างนั้นเขาต้องเจอด้วยอามิสใช่ไหม ต้องไปแสวงหา ต้องหาที่พอใจของตน ถ้าหาที่ไหนได้ขึ้นมาพอใจแล้วอันนั้นจะเป็นความสุข ความสุขกลับมาแล้วก็กระหืดกระหอบกลับมาหาเงินใช้หนี้

แต่ของเรานะ เราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ แสวงหาความสุขอย่างนี้มันไม่เจือด้วยอามิส ไม่เจือด้วยสิ่งที่ต้องออกลงทุนลงแรง ลงทุนลงแรง ลงทุนลงแรงด้วยสติของเราไง ถ้าสติของเรา เราเกิดขึ้นมา เราจะแสวงหาหัวใจของเราไง ถ้าใครแสวงหาหัวใจของตนเจอนะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี แล้วมันมหัศจรรย์ด้วย ถ้าใครทำความสงบของใจได้นะ จะมั่นคงในพระพุทธศาสนา เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาสอนถึงสัจธรรมๆ ในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พ้นจากทุกข์ไปแล้ว เพราะใจอันนั้นมันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เวลาเราเวียนว่ายตายเกิดมา เราก็ได้สถานะของมนุษย์ แล้วสถานะของมนุษย์ ภพชาตินี้สำคัญมาก ทะเบียนบ้านชื่ออะไร สมบัติของใคร ทะเบียนมันยึดไว้หมดเลย เวลาตายไปต้องไปจำหน่ายทิ้ง เขาจำหน่ายบัญชีเลย คนนี้ตายไปแล้ว ไม่มีสิทธิตามกฎหมาย

สิ่งที่เขาแสวงหากัน แสวงหากันมาเพื่อทางโลกก็เป็นแบบนั้นไง แต่ถ้าแสวงหาหัวใจของเราๆ วันพระวันสำคัญที่ไหนล่ะ สำคัญที่หัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเรานะ ถ้าจิตใจเราละเอียดลึกซึ้ง มันศึกษามาแล้ว หน้าที่การงานก็ทำ ทำมาเลี้ยงชีพ เลี้ยงชีพ แต่อย่าให้หัวใจนี้มันทุกข์ร้อนจนเกินไปนัก หัวใจดวงนี้มันทุกข์ร้อนจนเกินไปนัก หาอยู่หากินมาขนาดไหนแล้วมันก็ดิ้นรนอยู่นี่ ดิ้นรนอยู่นี่ มันไม่พอสักทีๆ เสร็จแล้วก็เลี้ยงไว้ไม่ได้ไง

ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด คนเราตายหมด ที่ไหนมีการเกิด ที่นั่นมันต้องตาย แล้วตาย เราก็ต้องตายไปข้างหน้า แล้วไปตายข้างหน้า เราจะมีสมบัติอะไรไป เรายังมีศรัทธามีความเชื่อมาทำบุญกุศลนะ บุญกุศลนี่เป็นทิพย์ เวลาเป็นทิพย์ เสียสละสิ่งใดไป ใครเสียสละสิ่งใดไป สิ่งนั้นเราเป็นผู้เสียสละเป็นของเรา ของของเรา เราเสียสละไปนี่คือของของเรา ถ้าไม่ใช่ของของเรา เราอัตคัดขัดสน เราไม่มีสิ่งที่เสียสละ เราก็อนุโมทนาไปกับเขา คือดีใจไปกับเขา เห็นเขาทำคุณงามความดีแล้วอนุโมทนาทานไปกับเขา อนุโมทนาไปกับเขา

ถ้าอนุโมทนาไปกับเขา จิตใจเรายังมีที่เกาะเกี่ยว ทั้งๆ ที่เราไม่มีสิ่งใดที่เสียสละนี่แหละ แต่เราอาศัยอนุโมทนาไปกับเขา ถ้าเรายังมีจิตใจที่เป็นธรรมอยู่ เรามาเสียสละของเรา สมบัติของเราๆ สิ่งนี้เป็นสมบัติของเรา สมบัติของเราตรงไหน

สมบัติของเรานะ เวลาคนสลบไป สลบไป หายไปเลย ฟื้นขึ้นมานี่รู้ว่าฟื้น คนตาย เวลาตาย จิตมันออกจากร่างไป มันเอาสมบัติอะไรของมันไป ไปจับฉวยสิ่งใดไม่ได้เลย มันเป็นสมบัติของโลก มันเป็นวัตถุธาตุ

จิตนี้เป็นนามธรรม สิ่งที่ไปกับมันคือบุญกับบาปเท่านั้น แล้วบุญกับบาปเท่านั้น ทีนี้พอมันตายไปแล้วมันจะรู้ อ๋อ! ใครทำคนนั้นได้ ใครทำคนนั้นมี ใครไม่ทำคนนั้นไม่มี แล้วคนที่มี คนที่มีไปกับจิตดวงนั้น ที่ว่าเป็นอามิสๆ สิ่งนี้ สิ่งที่จะติดหัวใจนี้ไปก็มีบุญกับบาปเท่านั้น บุญคือการกระทำ บุญคือบุญกุศลของเรา บาปคือบาปอกุศลของเราที่เราทำชั่วของเราไว้ไปกับเรา บุญและบาป กรรมทำให้เรามาเกิดอยู่นี่ นั่งอยู่นี่เพราะอะไร ภวาสวะ จิตนี้เป็นธรรมชาติของมัน เพราะมันมีบุญและบาปอันนี้มันถึงได้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ แรงขับนั้นไง

ถ้าแรงขับอันนั้นไป สิ่งที่ขับขึ้นมามันด้วยแรงบุญกุศลของเรา เราถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าเราไม่มีบุญกุศล ดูสิ ฟาร์มไก่นั่นน่ะ ฟาร์มสัตว์นั่นน่ะ ไปเกิดในนั้นน่ะ ไปเกิดในนั้นเพราะอะไรล่ะ นั่นคืออบายภูมิ แล้วทำไมต้องไปเกิดล่ะ เราคัดเลือกได้ คัดเลือกได้ต่อเมื่อมีสติอย่างนี้ แต่เวลาเราตายไปแล้วมันทุกข์ยาก ทุกคนดิ้นรนอยากเกิด ทุกคนดิ้นรนอยากพ้นจากสถานะนั้น ทุกคนดิ้นรนๆ ดิ้นรนไปไง แต่ถ้าเป็นบุญล่ะ

เป็นบุญ เขาเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหมของเขา มันหมดวาระ คนเราหมดอาหาร หมดที่พึ่ง สิ่งที่หมดการดำรงชีพ ชีพนี้จะอยู่ได้อย่างไรล่ะ มันก็ต้องดับไป ดับไปแล้วมันจบไหมล่ะ ดับไปแล้วมันก็เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะไง แต่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะด้วยบุญกุศลของเราที่เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาสอน พระพุทธศาสนาสอนที่ไหน สอนขึ้นมาเรื่องใจของคน สอนเข้ามาในหัวใจของเรา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ชี้เข้ามาที่หัวใจของสัตว์โลก ชี้เข้ามาที่หัวใจของสัตว์โลก แต่เราศึกษาแล้วเราไปตะครุบเอาข้างนอก เราส่งไปข้างนอกไง

ฉะนั้น เวลาพระปฏิบัติ พระกรรมฐาน ศึกษามาแล้ววางไว้ วางไว้แล้วเข้าทางจงกรม นั่งสมาธิภาวนาเพื่ออะไร เพื่อค้นหาหัวใจดวงนี้ ถ้าจิตดวงนี้มันสงบเข้ามา อืม! จิตดวงนี้สงบเข้ามา มันสงบระงับเข้ามา ธรรมะมีอยู่แล้ว ธรรมะมีอยู่เพราะอะไร เพราะจิตนี้มันสัมผัส จิตนี้มันรู้ได้ ถ้าจิตมันรู้ได้มันก็เห็นไง มันก็รับรู้ว่ามีไง แต่ในปัจจุบันนี้งงๆ นะ มีจริงหรือไม่มีจริง ทำไปแล้วจิตมีจริงหรือเปล่า แต่ถ้าจิตมันสงบแล้ว เพราะตัวจิตเป็นตัวสงบ ตัวจิต สัมมาสมาธิ ตัวตนของเรา ตัวตนของเรานะ เวลาเราประพฤติปฏิบัติขึ้นไปแล้ว สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการกับผู้ที่มาขอธรรมะตลอดเวลา “เธอจงมองดูโลกนี้เป็นสักแต่ว่า เธอจงมองโลกนี้เป็นสักแต่ว่า รับรู้โดยสักแต่ว่า อย่ามีตัวตนไปยึดมั่นถือมั่นมัน แต่ถ้าเธอยึดมั่นถือมั่นมัน เธอจะมีความทุกข์ มีความทุกข์ตลอด เธอจงดูโลกนี้เป็นสักแต่ว่า”

มันมีของมันอยู่อย่างนั้น สักแต่ว่า เราต้องรับรู้ เราไม่ใช่คนขาดสติ เราไม่ใช่คนบ้า คนบ้าเขาไม่รับรู้อะไรเลยนะ แต่เราคนมีสติสัมปชัญญะนะ แต่เรารับรู้ มันมีจริงของมัน แล้วมีจริงของมัน มันเป็นอนิจจัง มันไม่อยู่ในอำนาจของเราหรอก แต่ถ้าเรามีบุญกุศล เราแสวงหา เราทำสิ่งใดมันก็เป็นสมบัติของเรา สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ เป็นทุกข์เพราะอะไรล่ะ เป็นทุกข์เพราะไม่อยากให้มันแปรปรวนไง อยากให้มันคงที่ไง อยากให้เป็นของเราไง อยากให้มันเพิ่มพูนไง อยากให้มันบวกๆๆๆ ตลอดไง ไม่ให้มันลบไง แต่มันมีอยู่จริงไหมล่ะ

สรรพสิ่งในโลกนี้เป็นอนิจจัง มันต้องแปรปรวน แปรสภาพของมันอยู่แล้ว ถ้าแปรสภาพของมัน ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเรา มันทุกข์อย่างนี้ แต่ถ้าเรามองเป็นสักแต่ว่า เธอจงมองโลกนี้เป็นสักแต่ว่า เธอจงมองสรรพสิ่งในโลกเป็นสักแต่ว่า สมบัติของเราก็สักแต่ว่า มันเป็นสมมุตินะ สมมุติคือว่ามันมีค่า มันมีค่ากับเรานี่แหละ แต่เราไม่พลัดพลาดจากเขา เขาก็ต้องพลัดพรากจากเรา เก็บไว้ดีขนาดไหน เราต้องตายไปจากมัน หรือเราก็ต้องใช้จ่ายไป สิ่งนี้มันต้องพลัดพรากจากกันโดยแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าเราไปยึดมั่นถือมั่นจะให้มันคงที่ สิ่งใดเป็นอนิจจัง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา

ความทุกข์ยากตรากตรำขนาดไหน ถ้าได้ผ่อนคลายได้พักแล้วมันก็จะจางของมันไป แล้วมันก็จะทุกข์ซ้ำทุกข์ซากของมันอยู่อย่างนั้น นี่ทุกข์ของโลกไง แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าทุกข์ควรกำหนด สมุทัยควรละ นิโรธเกิดจากมรรค นี่ไง ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ นี่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ถ้าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราปรารถนาถึงที่สุดแห่งทุกข์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา หักอวิชชาความไม่รู้ในหัวใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิ้นสุดไป พญามารจะครอบงำในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้

แต่ของเรานะ เราทำความสงบของใจเข้ามา เราเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาเพราะมีตัวตนของเราไง เพราะตัวตนอันนี้มันจะยึดมั่นถือมั่นของมันไง ถ้าเป็นสมาธิก็ว่าสมาธิเป็นของเรา ถ้ามีปัญญาขึ้นมาก็ปัญญาเป็นของเรา ถ้าพูดถึงได้บรรลุธรรมก็บรรลุธรรมเป็นของเรา

ถ้าเป็นของเราๆ ผิดหมดเลย สัจธรรมมันเป็นสัจธรรม สัจธรรมเป็นสัจธรรม ถ้าจิตใจของใครประพฤติปฏิบัติไปรู้ของมัน มันสำรอกมันคายของมันต่างหาก ผู้ใดเสียสละมาก ผู้ใดจางคลายมาก ผู้ใดได้ถอดถอนมาก นั่นจะเป็นสมบัติของเขา แล้วเป็นสมบัติของเขา เราถอดถอนแล้วได้สมบัติอะไร เราไม่ได้อะไรเลย เป็นสมบัติของเราได้อย่างไรล่ะ

มันได้สมบัติเพราะมันสะอาดบริสุทธิ์ไง มันเป็นความจริงของมันไง พญามารครอบคลุมไว้ได้ไง มันไม่มีตัวตน ไม่มีสิ่งใดไปยึดมั่นถือมั่นไง สมบัตินั้นก็เป็นสมบัติสาธารณะไง เพื่อเป็นประโยชน์กับสาธารณะ ดูธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิ ธรรมะเป็นธรรมชาติ สึนามิก็เป็นธรรมชาติ แผ่นดินไหวก็เป็นธรรมชาติ ธรรมชาติก็ฆ่ามึงอยู่นั่นไง ธรรมชาติก็เวียนว่ายตายเกิดไง คนเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เป็นธรรมชาติไหม เขาบอกกามราคะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์ต้องมีอย่างนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่เราควบคุมให้อยู่ในศีลเท่านั้นแหละ แต่เวลาถือพรหมจรรย์มันฝืนธรรมชาติแล้ว

เวลาใครประพฤติปฏิบัติขึ้นมา โอ๋ย! ถ้าพระปฏิบัติบอกเป็นพระอรหันต์หมดเลย โลกนี้จะไม่มีมนุษย์เลย โอ๋ย! คนเป็นห่วงเป็นใยนะว่าชาวพุทธจะเป็นพระอรหันต์หมดเลย

มันเป็นได้ไหมล่ะ ตั้งใจปรารถนาทั้งนั้นแหละ แต่ไปไม่รอดสักคนหนึ่ง ไม่ต้องไปห่วง เวลาทำความดี โอ๋ย! ถ้าประพฤติปฏิบัติหมด โลกนี้จะว่างจากมนุษย์เลย เพราะมนุษย์จะเป็นพระอรหันต์หมดเลย

เวลาจะทำคุณงามความดีก็คิดกันอย่างนั้นน่ะ แต่มันเป็นความจริงไปได้ไหม มันเป็นความจริงไปไม่ได้ เพราะอำนาจวาสนาของคนนะ อำนาจวาสนาของคน ย้อนกลับมาว่าอำนาจวาสนาของคน เวลาจริตนิสัยของคน คนมีแนวคิดแตกต่างกัน แนวคิดนี้มาจากไหน พันธุกรรมของจิตๆ ในแต่ละภพแต่ละชาติ เกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติดำรงชีวิตอย่างใด มันสะสมเป็นจริตนิสัย แล้วจิตนี้มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ไม่มีว่างเว้นเลยนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย้อนบุพเพนิวาสานุสติญาณ อดีตชาติไปไม่มีต้นไม่มีปลาย คือนับไม่ได้ นับไม่ได้เลย มันนับไม่ได้ มันซับมาๆๆ ตลอดไง

ถ้าซับมา พันธุกรรมมันตัดแต่งมาๆ คือว่าทำความดีมา ฝืนมาๆ ตลอด พระโพธิสัตว์ทำแต่คุณงามความดีตลอด ทำคุณงามความดีตลอด เสียสละชีวิต เสียทุกอย่างมาตลอด ไม่ใช่เสียแบบคนโง่ๆ นะ เสียสละชีวิตแบบมีคุณค่า แม้แต่เป็นสัตว์ นายพรานป่าเขาหลงป่า เขากำลังจะตาย กำลังจุดกองไฟเพื่อความอบอุ่น กระต่ายตัวนั้นเป็นพระโพธิสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นกระต่ายตัวนั้นโดดเข้าสู่กองไฟ ให้เขาได้กินเนื้อสัตว์นั้นเพื่อให้ชีวิต ๒ คนนั้นรอด นี่การเสียสละขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พันธุกรรมของจิตๆ แล้วมันเติบโตมา เกิดตายๆ มา ถึงที่สุดเป็นพระเวสสันดร ถึงที่สุดมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ มันเสียสละจนมันเคยแล้ว มันเคย มันทำด้วยจริตนิสัย แต่ชูชกจะเอาอย่างเดียวๆ เอาอย่างเดียว เวลาเกิดมาแล้วมาบวชกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังจะมาขอปกครองสงฆ์ สงฆ์เขาเคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีคุณธรรม

เวลาใครระลึกถึงความสุขของเรา ระลึกถึงสมาธิของเรา ระลึกถึงปัญญาของเรา มันจะระลึกถึงใครล่ะ ใครสอน ความรู้อันนี้ใครสอน คุณธรรมที่ได้มานี่ใครบอก มันลงใจกันที่นี่ไง เวลาพระจะไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะได้ความอบอุ่นมา ได้การคุ้มครองมา ได้การดูแลมา มันระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทวทัตจะขอปกครองสงฆ์ เทวทัตทำอะไรมา เทวทัตทำอะไรกับสงฆ์

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ให้ไง บอกว่า “เทวทัต อย่าว่าแต่เธอเลย แม้แต่พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวา เรายังไม่ให้ปกครองสงฆ์เลย เราจะให้สงฆ์ปกครองสงฆ์กันเองไง”

ขนาดสงฆ์ปกครองสงฆ์กันเอง ดูสิ ดูในอินเดียสิ ในอินเดีย ดูสิ พันกว่าปี พออิสลามเข้าไป หมดเลย ขนาดนี่สงฆ์ปกครองสงฆ์นะ แล้วถ้ารวมศูนย์อำนาจแล้วมันจะเป็นอย่างไรล่ะ

เวลาของเรา เราจะไปอินเดียกัน ปัจจุบันนี้ทุกคนไปอินเดียแล้วกลับมาบอก โอ้โฮ! ชื่นใจ ซาบซึ้ง นี่ชาวพุทธนะ มันต้องการความมั่นคงของศรัทธา ในชาวยุโรปเขาศึกษาธรรมะแล้วเขาจะมาเมืองไทย เขาจะมาพม่า มาเมืองไทย มาพม่าเพราะอะไร เพราะเขาจะมาหาพระสงฆ์ไง เขาต้องการพระสงฆ์อบรมเขา เขาต้องการได้ปัจจุบัน เขาต้องการได้ศีล สมาธิ ปัญญานี้ แต่ของเราไปหาวัตถุไง ไปหาเจดีย์ ไปหาสิ่งที่สอนไม่ได้ ไปเพื่อความมั่นคงไง แต่ของเรานะดูสิ ดูทางยุโรปนะ เวลาเขาศึกษาแล้วเขาพุ่งมาหาพระเลย แล้วต้องการพระที่ทำอย่างไรให้จิตมันสงบ แล้วจิตมันอยู่ไหน จะหาจิตให้เจอ จิตมันมีจริงหรือเปล่า ถ้ามันมีจริง บอกมา ทำอย่างไร แล้วเขาจะพยายามฝืนทำ เขาจะทำของเขา เขาจะหาความจริงของเขา เขาจะเอามรรคเอาผลในปัจจุบันนี้ ถ้าเอามรรคเอาผลในปัจจุบันนี้

เราเกิดมาเป็นชาวพุทธนะ เรามีเพื่อนพระฝรั่งเขาเคยคุยกับเรานะ เขาบอกว่าคนไทยเหมือนกบเฝ้ากอบัว กบมันเฝ้ากอบัว อยู่กับดอกบัวนั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าดอกบัวมีค่าแค่ไหน เราเป็นชาวพุทธ เราเป็นชาวพุทธนะ แต่เราเกิดมาแล้วเรามีพ่อมีแม่ใช่ไหม ทุกคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ก็ต้องให้มีหน้าที่การงาน ทุกคนก็อยากให้มั่นคงในทางโลก ให้มั่นคง แต่ฝรั่งนะ เพราะว่ารัฐสวัสดิการ คนตกงานเขามีรัฐสวัสดิการ เขาดูแลตลอด คือเขาจะตกงานหรือเขามีงานทำ ชีวิตเขาอยู่สุขสบายของเขา ฉะนั้น แล้วชีวิตนี้คืออะไรล่ะ เขาจะหาความจริงในชีวิตของเขา เขาก็พยายามขวนขวายไง ฝรั่งจะมาบวชกันมาก เพราะฝรั่งเขาต้องการความสุขจากหัวใจ เขาไม่ต้องการความสุขจากปัจจัย ๔ จากวัตถุ แต่ไอ้พวกเราทุกข์ๆ ยากๆ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมั่นคงของชีวิตนี้ก่อน ถ้ามั่นคงของชีวิตนี้ก่อน นี่ไง ก็เลยกลายเป็นกบเฝ้ากอบัวไง เกิดบนพระพุทธศาสนาให้คนอื่นเข้ามาฉกฉวย แมลงผึ้งมันเข้าไปได้แต่เกสร ไอ้พวกเราเฝ้าอยู่นั่นน่ะ ของกูๆ ไม่ได้กินเลย ชาวพุทธไม่ได้กินเลย แต่คนอื่นเขาบินมา โฉบมานะ เขาได้เกสรไป เขาได้น้ำหวานไป เขาได้ของเขาทั้งนั้นน่ะ นี่ไง ถ้าคนมีปัญญา ถ้ามีปัญญา วันนี้วันพระ ถ้าจิตใจเราประเสริฐ เราคิดแบบนี้

ทีนี้มันอยู่ที่สังคม สังคม เวลาพูดอย่างนี้ เราพูดถึงเชิดชูพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พูดถึงรัตนตรัยเป็นที่พึ่งของเรา แต่เวลาอยู่กับสังคม เห็นพระประพฤติปฏิบัติกันอย่างนั้น อันนั้นในสังคมทุกสังคมมันมีคนดีและคนชั่ว ถ้ามีพระแบบนั้นแล้วเราจะเลือกอะไรล่ะ อาหารสั่งมา อาหารสั่งในร้านอาหารมา อาหารบางชนิดมันยังมีสารพิษ อาหารบางชนิดมันยังบูดเน่า ขนาดอาหารสั่งมานะ เราก็เลือกเอาสิ ถ้าเรามีสติมีปัญญานะ ถ้าเลือกอย่างนี้ได้ มันจะเชิดชูหัวใจเราไม่ให้มันท้อแท้ไง

หัวใจเรามันท้อแท้ พระพุทธศาสนาก็ ๒,๐๐๐ กว่าปีมาแล้ว มรรคผลก็คงหมดไปแล้วแหละ ดูพระบวชมา พระทำตัวกันอย่างนั้นน่ะ แต่พระทำดีๆ ทำไมไม่ดูล่ะ พระที่เขาทำตัวดีๆ เขาเป็นตัวอย่าง ทำไมไม่ดูล่ะ ถ้าเราขวนขวายอย่างนั้น เอาอย่างนั้น แล้วก็ย้อนกลับมา หน้าที่การงานเป็นหน้าที่การงานนะ แต่เวลาลมหายใจเข้าและลมหายใจออก ถ้ามีสติกำหนดปั๊บ เราจะได้อานาปานสติ ถ้าเรากำหนดอานาปานสติ ใครเป็นคนกำหนด จิตเป็นคนกำหนด

เครื่องสูบลมมันสูบอยู่ตลอดเวลา มันไม่เป็นอานาปานสติหรอก เพราะมันไม่มีจิต แต่เพราะเรามีจิต แล้วจิตของเรามันเกาะไปถึง กำหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก ขอให้มีสติสัมปชัญญะ แล้วมันจะปล่อยวางอารมณ์ฟุ้งซ่าน ปล่อยวางที่มันไปยึดไปเหนี่ยว จิตนี้มันเหมือนยางเหนียว มันแปะติดเขาไปทั่วเลย อารมณ์อะไรมามันก็แปะติดไปกับเขา ถ้าเราหายใจเข้านึกพุท หายใจออกนึกโธ อานาปานสติกำหนดไว้ไม่ให้ไปแปะอารมณ์ ให้มันแปะกับลมหายใจเข้าออก ถ้าแปะกับลมหายใจเข้าออก เราจะแปะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าเราแปะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จิตใจของเราก็อยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ความคิดมันก็มีของมัน แต่ไม่ให้คิดไปทุกข์ๆ ยากๆ

เวลาคิดไป เวลาคิดไปมันทุกข์มันยากไหม เวลามันทุกข์มันยากก็บอกทุกข์ๆๆ แต่มันทุกข์เพราะอะไรล่ะ แล้วทำไมเราไม่ดึงมาล่ะ ใช่ มันทุกข์ แรงทุกข์มันกระตุ้น แล้วจิตดิบๆ นี้ภาวนายาก เวลาคนภาวนาหายใจก็ไม่ได้ พุทโธก็หายหมด ทำอะไรไม่ได้เลย เหลวไหลมาก พอเหลวไหลมากมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยไง

แต่ถ้าเราเป็นคนดี ดูสิ กบเฝ้ากอบัวๆ แมลงผึ้งมันเอาแต่เกสรมันไป แล้วเราไม่เอาบ้างหรือ แล้วเกสรมันอยู่ไหนล่ะ เกสรมันอยู่ที่ดอกบัวใช่ไหม เกสรมันอยู่ในหัวใจนี่ ความรู้สึกทุกข์รู้สึกยากมันอยู่ในหัวใจนี่ ถ้าหัวใจนี้ได้ประโยชน์มันได้ที่หัวใจนี่ ถ้าหัวใจนี้เกิดขึ้นมาจริง เราเป็นชาวพุทธโดยไม่เหยียบแผ่นดินผิดเลย เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วเราได้ไง

ดูสิ เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เป็นการยืนยันสัจธรรมๆ นะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรมๆ “เธออย่ามีอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย จงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากราบธรรม หลวงปู่มั่นท่านบรรลุธรรม หลวงปู่เสาร์ท่านบรรลุธรรม คุณธรรมอันนั้นน่ะ คุณธรรมอันนั้นน่ะ แล้วเราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา สติ สติธรรม สมาธิ สมาธิธรรม เกิดปัญญา ปัญญาธรรม ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นคุณธรรมในใจของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ

ใจที่ลุ่มๆ ดอนๆ ใจที่ทุกข์ๆ ยากๆ มันจะมีคุณธรรมขึ้นมา มันไม่ใช่มีเงินมีทอง นับแล้วนับอีก แบงก์นับเอาๆ แต่เวลาหัวใจ พุทโธไม่นับสักอันหนึ่ง เวลาแบงก์อยากได้ นับใหญ่ๆ เลย นับพุทโธสิ พุทโธหนึ่ง พุทโธสอง พุทโธสาม พุทโธสี่ แล้วพยายามพุทโธขึ้นไป เดี๋ยวมันจะดีกว่าแบงก์ เพราะจิตนี้จะมีคุณธรรมไง

วันพระผู้ประเสริฐ เวลาไปวัดไปวาไปทำบุญกุศลก็เพื่อฟังธรรมๆ อันนี้ ฟังธรรมก็ตอกย้ำมา ฟังธรรมแล้วธรรมมันอยู่ที่ไหนล่ะ

ธรรม เวลาครูบาอาจารย์ก็เทศน์ไปที่ใจของสัตว์โลกนั่นแหละ ธรรมก็อยู่ในใจเรานี่แหละ ถ้าเราทำเป็นจริงขึ้นมา หัวใจนี้จะมีคุณธรรม ถ้ามีคุณธรรม มันจะเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา แล้วได้ศึกษา ได้ประพฤติปฏิบัติ ได้ทำความเป็นจริง ไม่ให้เสียชาติเกิด เอวัง

=